2 ผู้บริหารแนะยุคปัจจุบันควรทำธุรกิจแบบพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ โดยเน้นทำตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป นอกจากนั้นควรมองหาพันธมิตรที่ลงตัว ซึ่งต้องสามารถสร้างคุณค่าให้ลูกค้าจดจำและนึกถึงเสมอ พร้อมที่จะแทรกตัวเข้ากับวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่นโดยไม่ละเลยคุณภาพ จึงจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน

นายชิเกโอะ กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันทุกอุตสาหกรรมกำลังอยู่ในความท้าทายที่จะถูกดิสรัปฯด้วยกันทั้งนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ใช้งานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอินเทอร์เน็ตเป็นกุญแจสำคัญที่จะเชื่อมโลกทั้งใบเข้าหากันบนสังคมโซเชียลมีเดีย ดังนั้นการทำธุรกิจในยุคนี้ ผู้ประกอบการจึงต้องให้ความสำคัญกับการใช้เครื่องมือบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าเป็นลำดับต้น ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
และหากถามถึงกุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในยุคนี้ แน่นอนว่าผู้ประกอบการควรจะต้องสร้างลักษณะของธุรกิจตนเองให้เกิดความเฉพาะเจาะจง จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนเห็นแล้วจะต้องนึกถึง อีกประการคือต้องมีพาร์ทเนอร์ท่งธุรกิจที่ดี เนื่องจากในยุคปัจจุบันกลุ่มลูกค้ามีจำนวนกว้างขึ้น และมีความต้องการมากมาย
แนะสร้างพาร์ทเนอร์ และปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมแต่ละพื้นที่ เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ
ถ้าผู้ประกอบการหาพาร์ทเนอร์ที่ลงตัวจากธุรกิจที่แตกต่างกันได้ ก็จะช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันและจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นจากฐานของพาร์ทเนอร์อีกด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจคือจะต้องตระหนักถึงคุณภาพของสินค้าและบริการอยู่เสมอ เพราะจะเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจและจะเป็นสิ่งที่ลูกค้าประทับใจและบอกต่อโดยที่เราไม่ต้องเสียเงินในการทำประชาสัมพันธ์องค์กรอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงหัวใจหลักของการเริ่มต้นดำเนินธุรกิจเท่านั้น เมื่อธุรกิจเติบโตมาถึงจุดหนึ่ง และมีความต้องการที่จะขยายตลาดไปยังต่างประเทศ กลยุทธ์ที่สำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จในต่างแดน คือเราต้องเข้าใจวัฒนธรรมของประเทศที่เราต้องการจะขยายตลาดไปด้วย
สิ่งสำคัญที่สุดนั่นคืออย่าตระหนักถึงยอดขายเพียงอย่างเดียว เพราะมันจะทำให้ผู้ประกอบการล้มเหลวอย่างแน่นอนหากไม่รู้จักวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำนั่นคือทำความเข้าใจกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและพยายามทำให้ธุรกิจของตนเองเข้าไปกลมกลืนกับวัฒนธรรมท้องถิ่นให้ได้ เพราะจะทำให้เกิดความใกล้ชิดและเป็นกันเองระหว่างสินค้ากับลูกค้า นั่นหมายถึงยอดขายที่จะเพิ่มมากขึ้น และความจงรักภักดีต่อตราสินค้าอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ลูกค้าในยุคปัจจุบันมีความรู้ และมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นจากช่องทางบนออนไลน์ และออฟไลน์ ดังนั้นความท้าทายและโจทย์ใหญ่ของผู้ประกอบการในยุคนี้คือต้องทำอย่างไรให้สินค้าของตนเองมีตัวตนที่ชัดเจน และมีความน่าเชื่อถือในสายตาของกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เพราะนั่นจะหมายถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจในระยะยาว และยั่งยืน
แนะเข้าใจลูกค้าพร้อมปรับตัว เน้นทำตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กัน
ด้าน นายอาเทอร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เคล็ดลับของการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ สิ่งแรกคือเราต้องเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคให้ได้เสียก่อน ซึ่งอาจจะต้องมีข้อมูลต่าง ๆ มาเป็นส่วนสนับสนุน โดยอาจเริ่มหาข้อมูลง่าย ๆ บนโซเชียลมีเดียก่อนก็ได้ เพราะปัจจุบันโวเชียลมีเดียล้วนแต่รวบรวมพฤติกรรมของผู้บริโภคไว้อย่างมากมาย
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองและกลยุทธ์อยู่ตลอดเวลาเพื่อให้เป็นไปตามเทนด์ขณะนั้นด้วย ซึ่งในยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ต้องบอกว่าไม่มีใครหรือกลยุทธ์ชนิดใดที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าไปได้ตลอดกาล ดังนั้นทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงความท้าทายในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาจจะพูดได้ว่าความท้าทายของผู้ประกอบการในยุคนี้คือจะทำให้ลูกค้าเชื่อถือ และภักดีต่อสินค้าของตนเองได้อย่างไร เป็นเรื่องที่แม้แต่องค์กรใหญ่ก็ต้องรับมือด้วยเช่นกัน
และอีก 1 ความท้าทายสำหรับการดำเนินธุรกิจคือการที่จะปรับทัศนคติของคนในองค์กรให้มีความคิดและเป้าหมายเดียวกันได้อย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายองค์กรอาจละเลยแต่เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก และก็อาจจะทำได้ยากที่สุดด้วยเช่นกัน ถ้าหากองค์กรใดไม่สามารถที่จะทำให้บุคลากรในองค์กรมีทัศนคติ และเป้าหมายในทิศทางที่เหมือนกัน ก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะประสบความสำเร็จในยุคนี้ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ แม้ว่าปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปใช้งานเครื่องมือบนโซเชียลมีเดีย หรือออนไลน์เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว แต่ผู้ประกอบการก็ยังต้องให้ความสำคัญกับช่องทางขายแบบออฟไลน์อยู่ดี เนื่องจากช่องทางขายแบบออฟไลน์เป็นช่องทางที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่าออนไลน์ และยังทำให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าจริง และจะเกิดการซื้อทันที ดังนั้นการทำตลาดควรทำทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ควบคู่กันไป จึงจะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจมีความเข้มแข็ง และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ขอบคุณบทความจาก : https://businesstoday.co/